โปรดอ่าน
   (1) เนื้อหาบางส่วนมีจะ Copy ที่จากเว็บอื่นๆบ้างบางส่วน หนังสือบางส่วน แต่ผมไม่ได้ต้องใจละเมิดลิขสิทธิ์ใดๆ เป็นเพียงการจดบันทึก และไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ จากการทำเว็บ Blog
   (2) ถ้าพูดถึงชื่อหุ้น ผมไม่ได้แนะนำซื้อหรือขายทั้งสิ้น เป็นเพียงการจดบันทึกของผมเท่านั้น
   (3) เนื้อหาทั้งหมดทุกท่านมาสามารถติได้ เพื่อผมจะนำไปปรับปรุง และพัฒนาตัวเองต่อไป

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

KCG - Q3/24 และ Outlook Q4/24 ถึง 2025

 Q3-2024 Performance

  • รายได้ โต 4.3% YoY
  •  กำไรขั้นต้น 30.3% to sale โต 0.4%YoY
  •  SA&A 24.6% to sale ลดลง 0.6% YoY
  • กำไรสุทธิ โต 38.7% YoY -18.8% QoQ  (สาเหตุหลักการลดลง QoQ สาเหตุหลักคือ GP ลดลง เนื่องจากสินค้า Commodity Raw mat. ตั้งแต่ต้นปี 2022-Q1/2023 สูง และทยอยลดลงปี 2023 ลดลงมาตลอด ลงมาต่ำสุด Q4/2023 และตอนนี้ทยอยปรับขึ้น Q3/2024 เพิ่งขึ้น โดยเฉพาะ Q4/2023 ยิ่งสูงกว่า Q3/2024)

 9M-2024 Performance

  • รายได้ โต 5.6% YoY
  • กำไรขั้นต้น 30.9% to sale โต 2.1%YoY
  •  SA&A 24.4% to sale เพิ่ม 0.4% YoY (เกิดจากโยกย้ายสินค้า ครั้งของตัว Logistic part จากคลังข้างนอกเข้ามา และมีการใช้ไฟฟ้าเพื่อวอร์มเครื่องเย็นให้ถึงอุณภูมิที่เก็บสินค้าได้ จากอุณหภูมิห้องเป็นอุณหภูมิติดลบ)
  • กำไรสุทธิ โต 47.6% YoY และ

สัดส่วนในการขาย

By category

  • Dairy 60.7%
  • FBI 28.9%
  •  Biscuits 10.4%

By channel

  • B2B 42.5%
  • B2C 53.1%
  • Export 4.3%

By operation

  • Own manufacturing 73.6% (ผลิตเอง และจำหน่าย)
  • Trading 26.4% (สินค้านำเข้า ซื้อมาขายไป)

D/E ratio 1.1 เท่า จากปีที่แล้ว 1.2 เท่า

IBD/E 0.6 เท่า จากปีที่แล้ว 0.7 เท่า

 

เทรนด์ความยั่งยืนของอุตสาหกรรมอาหาร

  • ผู้บริโภคให้ความสำคัญอาหารเพื่อสุขภาพ และโภชนการ หรือที่ผลิตจากพืช หรือ Plant base น้ำตาลต่ำ เกลือต่ำ ไขมันต่ำบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายง่าย นำมาใช้อีกรอบ ลดขยะของเสีย
  • ลดขยะอาหาร โดย KCG นำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อลดของเสีย
  • วัตถุดิบ โดยไม่ใช้แรงงานที่ประเมินกฤหมาย เรื่องวัตถุดิบที่มาจากการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

Outlook Q4/2024-2025

  • Q4 ปกติเป็น Seasonal ของ KCG เชื่อว่าเป็น new high ทั้ง Top/Bottom line
  • Raw mat. Q4/2024 มีการปรับตัวสูงขึ้น แต่ปัจจุบัน Raw mat.ที่ซื้อสูงกว่าปีที่แล้วอยู่แล้ว แต่ KCG สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี บวกกับประสิทธิภาพจากด้านอื่นอีก เพื่อ maintain ตัวกำไรที่ดีขึ้น
  • Q4 มี Economy of scale ที่จะสามารถไป Compensate ตัวต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นได้
  • SG&A มีการปรับค่าใช้จ่ายต่างๆลดลง ปีหน้าจะมี Logistic part ใช้งาน 100% ทำให้ตัวต้นทุนการบริหารจัดการดีขึ้น
  • ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้น 400 บาท จะมีผลกระทบ 0.1% ของต้นทุนการผลิต
  • Raw mat. ที่ปรับตัวสูงขึ้น KCG จะทำปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต, การ ปรับปรุง Utilization , การบริหารต้นทุนให้ดีขึ้น เพื่อช่วยทำให้ %GP ยังคง maintain ได้
  • Supply chain management มีการบริหารตามกรอบ ESG ทั้ง Supplier ที่มีผลกระทบกับ ESG การลดก๊าซเรือนกระจก โดยการลดการขนส่ง และการขนส่งขากลับจะไม่ตีรถเปล่า ใช้รถไฟฟ้าในการขนส่ง เป็นการลดต้นทุนด้วย
อื่นๆ จากการถามตอบ
  • สินค้า Ready to eat 
  • B2B มีลูกค้าเพิ่ม แต่เปิดเผยไม่ได้
  • Raw mat. Q1/2025 ราคาใกล้ กับ Q3-Q4/2024 (สูงกว่าปี 2022 แต่ GP เราดีกว่า 2022)
  • Biscuits เติบโตสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วแน่นอน
  • U-rate Avg. 60%
  • After you เป็นลูกค้ารายหลัก และเป็นลูกค้าที่ดี
  • สินค้า Existing ทุกตัวมีการเติบโต ตาม GDP ของประเทศ แต่ตลาดต่างประเทศมีโอกาสเติบโตสูงมาก
  • การบริหารการจัดการ KCG เชื่อว่าสามารถทำ new high ได้อีกรอบทั้งกำไร และยอดขาย

MAGURO - Q3/24 และ Outlook Q4/24 ถึง 2025

ประวัติ

  • 2015 เปิดสาขาแรกด้วยแบรนด์ MAGURO และเปิดสาขามาต่อเนื่องเนื่องจากความนิยมในตัวแบรนด์ ปัจจุบันมี 18 สาขา ใน กทม ปริมณฑล
  • 2021 เปิดแบรนด์ที่ 2 คือ SSamthing Together
  • 2022 เปิดแบรนด์ที่ 3 คือ HITORI SHABU ปัจจุบันมี 10 สาขา
  • 5 Jun 2024 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai


การให้บริการของ MAGURO 2 แบบ คือ 

  • ร้านอาหาร 
  • บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่


การดำเนินงานเปิดสาขา ตามตาราง



กลยุทธ์และการเปิดแบรนด์ใหม่ 2025

  1. แผนเพิ่ม SSSG (Existing Brands Same Store) เช่น เพิ่มเมนูน้ำ, ของหวาน ไอศครีม เอาระบบ CRM เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลฐานลูกค้า และเพิ่มการกินซ้ำของลูกค้า,บัตรสมาชิกลูกค้า
  2. แผนขยายแบรนด์เดิมที่มีอยู่แล้ว (Existing Brands New Store) ในพื้นที่ที่มีศักยภาพ
  3. Value Chain Optimization ควบคุม Cost ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด มีการควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในกรอบ ทำ ESG เทรนด์การรักษ์โลก
  4. สาขาใหม่ (New Brand)

  • TOKKATSU AOKI ร้านหมูทอดญี่ปุ่น (หมูจิ้มเกลือ) นำเข้าแบบแฟรนไชส์ ใช้วัตถุดิบ Premium ทั้งหมูและข้าว น้ำมันที่ใช้ทอด ปีหน้าจะมีบทบาทสำคัญในภาพต้นทุน และ net profit ดีขึ้น
  • ALL DAY DINING (ยังไม่มีชื่อ) เป็นอาหารทางตะวันตก มีชาวออสเตรเลี่ยนมาช่วย เมนูมีความหลากหลาย (ปีหน้าเปิดเพิ่ม 1 สาขา)


ภาพรวมผลการดำเนินงาน
รายได้ 
  • เติบโต 64.9% CAGR 3 years (2021, 2022, 2023)
  • Q3/2024 เติบโต 33.2% YoY (มาจาก SSSG +0.5%, การขยายสาขา)
  • 9M/2024 เติบโต 26.8% YoY (มาจาก SSSG ลดลง -1.8%,  การขยายสาขา)
สัดส่วนรายได้ 
  • MAGURO 16 สาขา   56%
  • SSamthing Together 6 สาขา 30%
  • HITORI SHABU 10 สาขา 14%

กำไรขั้นต้น
  • 3/2024 GPM 47.5% (วัตถุดิบราคาลดลง, ความสามารถการบริหารจัดการ)
  • 9M/2024 …………
ค่าใช้จ่ายในการขาย SG = 26% to sale

ค่าใช้จ่ายในการบริหาร Admin = 9% to sale ตัวเลขนี้จะปรับลดลงเรื่อยๆ

กำไรสุทธิของบริษัท = 8.2% to sale โต 1.1% YoY จะเห็นตัวเลขเติบโตเรื่อยๆ เนื่องจากการควบคุมค่าใช้จ่าย

ฐานะการเงิน
  • ตัวเลขสินทรัพย์เติบโตตามรูปแบบธุรกิจ มีการขยายกิจการ เพิ่มสาขาขึ้นทุกปี
  • ไม่มีภาระหนี้ที่ต้องชำระดอกเบี้ย 
  • วงจรเงินสดติดลบ
  • อัตราการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
  • Cash flow จาก IPO จะสามารถเปิดสาขาได้เพิ่มในปี 68, 69 โดยไม่ต้องกู้
อื่นๆ
  • สร้างศูนย์อบรมเชพ
  • ราคาปลาแซลมอล ปีที่ผ่านมาขึ้นแรง กลยุทธ์ลดปลาแซลมอล ผู้บริโภคทานปลาแซลมอลน้อยลง
  • การเพิ่ม GP 
    • นำแบรนด์ใหม่เข้ามาเพิ่ม GP เนื้อหมูราคาต่ำกว่าปลาแซลมอล 
    • การบริหารจัดการครัวกลาง

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

TKN - Q3/24 และ Outlook Q4/24 ถึง 2025

Business Performance Q3/2024

ยอดขาย 

  • Q3/24 โต 1.6% YoY  3.1%QoQ
    • ในประเทศ 551 ลบ. เป็น New high และโต 11.9%YoY, 10.9% QoQ จากกิจกรรมออกสินค้าใหม่สาหร่ายปรุงรส เป็น Toping โดยขยายการรับประเทศควบคู่กับอาหาร,ใช้ idol marketing ภาคอีสาน เพื่อสร้างตลาด TT, จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เปิด)
    • ต่างประเทศ ลดลง -3.7% เนื่องจากการลดลงของจีน  ลดลง -15.1% (วันนี้ผู้บริโภคจีน มุ่งเน้นสินค้าจำเป็น ตัว food, Snack จะปรับตัวสูงขึ้น ยอดขายปีนี้ยอดขายทรงๆ ต่างประเทศอื่นๆ เติบโต 3.1%, ขยายช่องทาง US, อินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรเลีย และยุโรป ลดการถึงพาตลาดจีน, จัดกิจกรรมสื่อการขาย
  • 9M/24 โต 6.5% YoY
    • ในประเทศ โต 7.1%
    • ต่างประเทศ โต 6.1% จีน 9M ลดลง -10.7% ต่างประเทศอื่นๆ 9M โต 17%

สัดส่วนรายได้
  • สัดส่วนรายได้ ในประเทศ 38% 
  • สัดส่วนรายได้ ต่างประเทศอื่นๆ 42% 
  • สัดส่วนรายได้ จีน 21% 

ต้นทุน
  • Seaweed 38%
  • Packing 25%
  • ต้นทุนแรงงาน 19%
  • Overhead 9%
  • วัสตุอื่นๆ 9%

กำลังการผลิต U-rate 67% (Rojna 69% Nopawong 48%) ใกล้เคียงปีที่แล้ว

กำไรขั้นต้น 
  • Q3/24 ทำได้ 30.1% to net sale ลดลงจาก Q2 เนื่องจากมีต้นทุนสาหร่ายที่สูงขึ้น แต่มีการจัดการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ดี % to sale คงที่ และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

กำไรสุทธิ 
  • Q3/24 โต คิดเป็น 9.2% to net sale 16.4% to net sale YoY.  มีผลกระทบจากต้นทุนสาหร่าย แต่อย่างไรก็ตามผลกระทบนี้ลดลงไปได้บ้าง เพราะมีการบริการต้นทุนอื่นๆ เช่น ค่าแรง การผลักดันสินค้าในช่องทางใหม่ ในช่องทางที่มีกำไรมากขึ้น ทำให้ลดผลกระทบของต้นทุน และทำให้ GP ดีขึ้น กว่าที่ควรจะเป็น การบริหารค่าใช้การจัดจำหน่ายหน่าย  และการบริหาร โดยรักษาระดับเท่าๆ เดิม และมีผลกระทบจากการขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน คิดเป็น 2.7% ของ Net sale 
  • 9M/24 คิดเป็น 16.4% to net sale และ โต 21% YoY (ในประเทศ โต xx% ต่างประเทศ โต xx%)

D/E เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จาก 0.45 เป็น 0.74 เนื่องจากการกู้ยืมเงินระยะสั้น เพื่อ Support working capital ของบริษัท


ตลาดจีน
  • สถานการณ์ของจีนยังเหนื่อยอยู่ วันนี้ผู้บริโภคจีน มุ่งเน้นสินค้าจำเป็น ตัว food, Snack จะปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่นำเข้า ทำให้คนจีนระมัดระวังการจ่ายเงินมากขึ้น ยอดขายปีนี้ยอดขายทรงๆ  ภาพร่วมของ FMCG ครึ่งปีแรกช่องทาง offline ลดลง -2.2%, online เติบโต 9.6% ภาพรวมทั้งสองช่องทางโต 1.9% ซึ่งไม่ได้ดีกว่าที่คิด มีการลดตัวของ Store ต่างๆ ที่ช่องทางจำหน่ายของ TKN ปิดตัวลง
  • แต่มีช่องทางใหม่ที่เติบโตสูง Super ming, MINISO ทาง TKN ก็แทรกซึมเข้าไปในช่องทางเหล่านี้  ช่องทางนี้เน้น Money for money มากๆ พวกสินค้า brand name ราคาแพงจะเหนื่อยหน่อย  ต้องมี Promotion ต้องมี Connection ที่แข็งแรง  ของ TKN เน้นคุณภาพสินค้า ราคายุติธรรม ไม่ได้ถูกเท่าสินค้าจีน แต่พยายามใช้ Marketing ออกเฟเวอร์ใหม่ ไม่ให้ Product นิ่ง
  • ออกสินค้าใหม่ Y2024 ครึ่งปี มีสินค้าใหม่ๆ รสชาติไปทางมะพร้าว มะม่วง หรือ มุ่งเน้นทาง Healthy  เช่น Ping salt, หรือทาง Fun Excited flavor
  • ไปออกบูช ร่วมกับโรงแรม ร่วมกับร้านอาหารในจีน
  • ช่องทาง E-commerce ในช่วงที่ผ่านมาติดยอดขายสูงอยู่ที่ 2 แต่ตก -7% แต่สินค้าเจ้าๆ อื่นก็ตกเหมือนกัน แต่ตกมากกว่า
  • การทำ Marking ช่วง Chinese new year 2025 ทั้ง offline, online

ตลาด US market

  • ALDI ซึ่ง work กันมานาน 120 Stores 
  • Walmart 1200 Stores (4 SKU) เป็นความภาพภูมิใจของไทย เปิดมา 4 ตู้ และเติม 5-6 ตู้ เดียวดูระยะยาวว่าจะเป็นยังไง เพราะมีลูกค้าจีนที่ Walmart
  • Kroger 800 Store รอดูระยะยาวว่าจะเพิ่มขายังไงได้บ้าง


EU market

  • เยอรมัน มีการขยายสินต่างๆ 
  • ฮอลแลนด์ ขยายไปช่องทางหมายเลข 1 และ 2 จำนวน 1200 Stores 

สถานการณ์ราคาสาหร่าย
2025 เกาหลีอนุมัติขยายพื้นที่เพาะปลูกไปแล้ว ทำให้ Supply มากขึ้น แต่ปริมาณ Stock ที่ทำสาหร่ายในเกาหลี อาจจะทำให้ demand supply เท่าๆ กัน


คุณต๊อบเริ่มพูดเสริม

เรารู้แล้วว่าช่องทางเก่าของจีนเริ่ม Decline ถดดอยลง และพยายามเพิ่มช่องทางใหม่ ที่ต้องเน้นของจีน ให้ TKN กลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยเพิ่มช่องทางการขายที่ถูกที่ถูกทาง โดยรู้แล้วว่าจะไปช่องทางไหน และให้ใคร ต้องใช้เวลาอีกนิดหน่อย 

ตลาดจีนต้องเน้น Innovation ที่เป็น NPD เพิ่มขึ้น ปีนี้ออกมาประมาณ 7 ตัว ยอดขายประมาณ 1500 ล้าน ซึ่งจะน้อยไป เทียบกับไทย ประมาณ 2000 ล้าน มี NPD เกือบ 30 ตัว รวมพวก special pack ด้วย แม้เศรษฐกิจดีไม่ได้ แต่ TKN เติบโตได้ดี เพราะเกิด NPD มาหลากหลาย โดยกลยุทธ์นี้จะมาใส่ที่จีนมากขึ้น โดยคุยกับ distributor แต่ไม่ได้หวือหว่า แต่กลับมาในระดับที่ดีขึ้น


Outlook Q4 

  • รายไดในประเทศยังเติบโต ประเทศอื่น ยังโต แต่จีนยังทรงตัว โดยรวม TKN น่าจะโต 6-7% แต่ถ้าจะมากกว่านี้ ถ้าเดือนนี้กับเดือนหน้า Order มาแรงขึ้น โอกาสโตจะมากขึ้น
  • ประเทศที่คิดว่าจะโตยากอย่างไทย แต่ก็โต 2 digi 
  • ตั้งแต่โควิดมาก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • จีน ได้รับผลกระทบเรื่องต่างๆ
  • ประเทศอื่นๆ รวมๆกันทำได้ดีอยู่ เมื่อเทียบกับก่อนโควิด ซึ่ง 4-5 ปี TKN โตมาเกือบ 2 เท่า และมี Room การโตอีกมาก แต่โชคไม่ดีที่ต้นทุนสาหร่ายสูงมากจริง บาง Spec ขึ้นไปเกือบ 100% จึงต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ จากเชิงรุกมากๆ ปรับเป็นบาลานซ์ให้มากขึ้น เพราะไม่มีแนวคิด Burn margin เพื่อเอายอดขาย พยายามบาลานซ์ให้มั่นคง ยั่งยืน
  • Q4/24 ตัว Gross magin อาจจะจะลดลงกว่า Q3 เพราะรับรู้ต้นทุนการผลิตเกือบทุก SKU และมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดอาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และ Q4 TKN ต้องปรับตัวเพื่อลค่าใช้จ่าย ข้อเท็จจริงที่ต้นทุนสูงขึ้น เงินบาทผันผวน และสิทธิ BOI ที่หมดไปในบางไลน์ผลิต ปกติช่วย save ภาษีประมาณ 100 ลบ.
  • ตอนนี้เริ่มปรับกลยุทธ์ โดยปรับราคาสินค้าบางรายการ ประมาณ 5-10% โดยเริ่มในประเทศก่อน โดยเริ่มประมาณ Q1/25
  • ในรอบ 20 ปี เป็นปีที่ไม่เคยเจอวัตถุดิบสาหร่ายมันเปลี่ยนแรงขนาดนี้ ประเด็นเรื่องสาหร่าย ไปเจอ Supplier 6 เจ้าที่เกาหลี โดย Productivity สาหร่ายจะเพิ่มขึ้น 5-10% โดยรัฐบาลเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้น เพราะเขากระทบผู้บริโภค พ่อค้าแม่ค้าของเขาเหมือนกัน แม้ Supplier เพิ่มขึ้น แต่บริษัทต่างๆ เขา Stock น้อย เพราะราคาสูง ดังนั้นพอเปิดฤดูกาลมีความเสี่ยงที่ราคาสาหร่ายเพิ่มขึ้น เพราะทุกคนต้องการซื้อ
  • วัตถุดิบช่วงแรกต้นฤดูกาลจะไม่กระทบมาก ปกติซื้อช่วงกลางฤดูกาล – ปลายฤดูกาล 
  • ราคาสาหร่ายจะลงหรือขึ้น อยู่ที่ Demand-Supply ของเกาหลี แต่ดูแล้ว Supply เริ่มสูงขึ้น  และความการปลูกของญี่ปุ่น และจีนว่าปลูกได้ปกติไหม เพราะก่อนหน้านี้ญี่ปุนปลูกไม่ได้เลย เขาจึงซื้อซื้อทุกราคา ซึ่งปกติญี่ปุ่นราคาสูงอยู่แล้ว แต่พอมาซื้อกับเกาหลีซึ่งไม่กระทบกับญี่ปุ่น สถานการณ์นี้ไม่ปกติ ซึ่งราคานี้เกิดเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

Direction Y2025
ตลาดในประเทศ 
  • จะเพิ่มช่องทางของ Tourist นักท่องเที่ยวมาเยอะและจ่ายเยอะ 
  • โดยเพิ่ม SKU ใหม่ เพิ่มช่องทางใหม่ กลยุทธ์หลักๆ คือปรับโครงสร้างราคาสินค้า ปรับสัดส่วนสินค้า และปรับ Promotion บางตัว 
  • ตัดสินค้าบางตัวที่ไม่ใช้ Key SKU 
  • โฟกัสค่าใช้จ่ายทางการตลาด

ตลาดต่างประเทศ
  • ปรับโครงสร้างราคาสินค้า
  • เพิ่ม SKU เพิ่ม Product ใหม่ ที่เพิ่ม GP
  • โฟกัสค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่สร้างยอดขายได้เหมือนประเทศ

ภาพรวม
  • พัฒนาสินค้า TKN ใหม่ที่ใช้สาหร่ายน้อยลง โดยเริ่มตั้งแต่ปีนี้แล้ว แต่ต้องใช้เวลา ตอนนี้เริ่มเห็นทางแล้ว และปีหน้าสามารถออกได้ โดยใช้สาหน่ายน้อยลง แต่ยังคง Scale ได้ในประเทศและต่างประเทศ 
  • พัฒนาการปรับปรุงไลน์ผลิตใหม่ และขอสิทธิ์ BOI ใหม่ เพิ่อทดแทนบัตรเก่า
  • เพิ่มระบบ Automation เพื่อเพิ่ม Productivity 
  • ราคาสาหร่ายตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัด หากราคาสาหร่ายไม่ลดลงอย่างที่คิด จะต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ ให้เหมาะสม


วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

CHAO - Q3/24 และ Outlook Q4/24 ถึง 2025

Business Performance Q3/2024

  • รายได้ Q3 โต 32.4% QoQ , โต 20.3% YoY  
  • Thailand  โต13% QoQ,  โต 19.2% YoY
  • Export โต 94.6% QoQ,  โต 22.4%YoY) 
  • อัตรากำไรขั้นต้น 37.6% โต 32%QoQ, โต 13% YoY
  • ราคาเนื้อหมูเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ Q2
  • กำไรสุทธิ โต 62% QoQ, ลดลง -8.8% YoY (ควบคุม SG&A ได้ดี และปีที่แล้วเกิดจากค่าใช้จ่ายการเข้าตลาด) 

 

Business Performance 9M/2024

  • รายได้โต 7.6% YoY
  • อัตรากำไรขั้นต้น 37.4% โต 9% YoY 
  • กำไรสุทธิ ลดลง  -3.5% YoY


Business Outlook Q4/2024-2025

ในประเทศ

  • จะมีสินค้าเพิ่ม 12-15 SKU (ข้าวอบกรอบ mini, หมูแท่ง, ข้าวตังไรท์เบอรี่) ช่วง Q4/2024
  • ทำ online marketing
  • Massive special display (พื้นที่จัดเรียงพิเศษ) ใน MT สำหรับกลุ่มที่ไม่ได้วางแผนซื้อจากบ้าน, สร้าง Display ตกแต่งพื้นที่วาง สร้างความโดดเด่น มีพื้นที่พิเศษ ใน MT และ TT ของ Big C, Lotus, 7-eleven, MAKRO ร้านของฝาก ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย
  • ขยาย Distributors ของกลุ่ม TT จาก 12 รายเป็น 25 ราย ช่วง Q3-Q4 มีรสที่ขายตามร้านค้า 60 คัน กระจายไป 31,590 ร้านค้าต่อเดือน เน้นตัว 20 บาท จากเดิมการโตกลุ่ม TT ติดลบ หลังจากทำแล้วโต ต่อเนื่อง
  • สินค้าข้าวตัง 20 บาท  4 สินค้าหลักโดยเพิ่มปริมาณ จาก 30g เป็น 42g ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 194% ทำให้สร้าง Base line ใหม่ 
  • เพิ่มสินค้า 20 บาท รุ่นเพิ่มปริมาณ อีก  SKU เป็น 9 ตัว  (ปัจจุบันมี 5 SKU) ใน Q4 จะมีเพิ่มอีก 4 ตัว

ต่างประเทศ

  • ต้นปีส่งออกไป 10 ประเทศ , ครึ่งปี 12 ประเทศ ตอนนี้ไปส่งไปประเทศใหม่รวมเป็น 21 ประเทศ ภายในสินปีนี้
  • ประเทศหลักๆอย่างจีน เปิดลูกค้าใหม่ คือ ขายตรงเข้าห้าง Herma ซึง่งมี 360 สาขา มี first shipment 
  • ในจีน มี One distributor (SKL) ที่กระจ่ายไป offline & online ไป retails ส่งไปแล้ว 3 shipments (SEP, OCT, NOV) 
  • ส่วนลูกค้าจีนเดิม same club ตัวหนังปลารสไข่เค็ม กำลังเสนอรสชาติใหม่ๆ จะมีสินค้าใหมปลาแท่งขายปีหน้า ,shipment ออกปีนี้ และนำเสนอแผนปีหน้าให้ลูกค้า คือ 2 SKU กลุ่มข้างตัง 
  • US เป็น OEM ตัวเดียว มีช้าบ้างสำหรับตัวนี้ (เราการตลาดไม่ได้เป็นเพราะ OEM และลูกค้ายังมี Stock อยู่)
  • ใน US ทำ JV ตั้งบริษัทย่อย ใน US เป็นแบรนด์เจ้าสัว USA เข้า Asian supermarket เราสามารถทำ Marketing ได้ดีกว่า นำเสนอสินค้าแล้ว และจัดเตรียม Production จะเร่งให้ทันใน Q4 นี้
  • อินโดนีเซีย ส่ง First shipment ดือน JUL และNOV สั่งเพิ่มแล้ว
  • UAE ลูกค้าคนเดียว ส่ง First shipment ดือน JUL และ NOV สั่งเพิ่มแล้วเพื่อนส่งไปซาอุดิอาระเบีย
  • ฟิลิปปินส์ ห้าง Retails ส่ง First shipment เดือน JUL และNOV สั่งเพิ่มแล้ว / ลูกค้าอีกสองราย Ship ไปแล้ว เดือน SEP, OCT
  • ห้าง Retails ส่ง First shipment ดือน JUL และNOV สั่งเพิ่มแล้ว
  • มาเลเซีย, สิงคโปร์ บรูไน ข้าวตัง สินค้า กลุ่มฮาลาล ส่ง First shipment เดือน SEP , เดือน OCT, NOV สั่งเพิ่มแล้ว
  • เวียดนาม เราเจรจนาน first shipment เริ่มเดือน Nov จะเริ่มช่องทาง TT ก่อน เป้าหมายเข้า MT จะตามมาทีหลัง
  • ใต้หวัน แต่งตั้ง Distributor แล้ว Fist shipment เข้าต้นเดือน JAN 25
  • แคนาดา เข้าห้าง T&T เป็นห้าง Asian ค่อนข้างใหญ่ จำนวน33 สาขา
  • เกาหลีใต้ มีลูกค้าช่วง Q2 ช่องทาง TT ก่อนแล้วขยายการขายค่อนข้างดี และจากนั้นเข้า Convenience store เอาสินค้าเข้าได้ 2 SKU แล้ว
  • ทีมงานเดินทางไปฮ่องกง เพื่อคุยกับลูกค้า

Process improvement 

  • ทำ Solar rooftop ทำ Cost saving
  • ทำระบบ Automation Machine ลดแรงงาน – 2025
  • แผนสร้างโรงงานไปตามแผนอยู่  (DEC 25)

สินค้าใหม่ Q4/2024 

  • ข้าวอบกรอบ mini size มี 2 รสชาติ เพื่อแก้ pain point คนที่ไม่กินข้าวตังชิ้นใหญ่
  • ข้าวตังไรท์เบอรี่ ตอบโจทย์กลุ่ม Premium 
  • หมูแท่ง 4 รสชาติ
  • คอลแลปกับไก่ย่าง 5 ดาว
  • กุนเชียงกรอบพร้อมทาน กินข้าวก็ได้ กินเป็น Snack ก็ได้
ตั้งเป้า 2025
  • โต Top/Bottom line 20%
  • ในประเทศตั้งเป้าโต 14% Export ตั้งเป้าโต 37%


ที่มา :
https://www.youtube.com/live/q7N3djn9o9k?si=d9KpaB5Yzd8jbBOA



วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ITC - Q3/24 และ Outlook Q4/24 ถึง 2025

ผลงาน Q3/2024

  • ภาพ Q3 รายได้โต 10.9%YoY (เป็นการเพิ่มจาก Volume 3.2%, Premium mix 3.8% ราคาขาย 4.1% และมีอัตราแลกเปลี่ยนเล็กน้อย) GPM 29.8%, โต 72% , NPM 22% โต 50% 
  • ภาพ 9M รายได้โต 20.3% GPM 28%, โต 87% , NPM 21.5% โต 85.3% (มาจาก US, Europe , เอเชีย และมีลูกค้าใหม่เพิ่ม 21 ราย)
  • สัดส่วนลูกค้า (US 50%, Europe 16% Asia & Oceania 34%) 

1) 9M US รายได้ เติบโต 21.3% ส่วน Volume โต 1.4% โตมาจาก Global brand (มีเพิ่มรายที่ 4)  และ Retailer ยักษ์ใหญ่ (จบปีนี้จะ Double จากปีที่แล้ว) ใน US

2) 9M Europe รายได้เติบโต 75.7% ส่วน Volume โต 91% (มีลูกค้ารายใหม่เพิ่ม) UK , ลูกค้าอิตาลีและฝรั่งเศษรายใหม่

3) 9M Asia & Oceania รายได้โต 3.8% ญี่ปุ่นมีปัญหาเรื่องค่าเงิน จึงซื้อไม่ได้ต่อเนื่อง โซนนี้มีลูกค้าออสเตรเลียเพิ่มมาเป็นความหวังใหม่

  • ราคาทูน่ามีแนวโน้มลดลง
  • ราคาไก่มีลักษณะทรงๆ ทำ Forward contract บางส่วนไว้, ทำให้รักษาต้นทุนได้ดี และ GPM ดีขึ้น
  • ค่าเงินไม่มีผลกระทบใน Q3 
  • อะลูมิเนียม ไม่มีความแตกต่างกับ Q ที่แล้วมากนัก
  • CCC 146 วัน มีแนวโน้นมลดลงเรื่อยๆมี 5 ไตรมาสแล้ว 
  • ไม่ได้กู้เลย IBD = 0
  • ความคืบหน้า Project สามารถสร้างได้ตามแผน Warehouse ระบบ ASRS ที่สงขลา เปิดปลายปีหน้า ถ้าเปิดได้จะเป็นระบบ Automation เงิน 1.3 พันล้านบาท, payback 8.4 ปี

Outlook
  • ปีหน้า US จะคุยกับ Global brand มีเพิ่มรายใหม่รายที่ 4 ทำ Product pipe line 2 ปี เริ่มปีหน้า 
  • ปีหน้า Retailer US รายใหญ่ๆ ที่จะทำกลุ่ม Premium ตอนนี้เริ่มพูดคุยกันแล้ว ปีหน้าจะออกดอก ออกผลกัน
  • UK และเยอรมัน  จะมีลูกค้าใหม่เพิ่มเป็น Retailer 
  • ขาย Retailer ออสเตรเลีย (wet dog food)
  • ขายสินค้าเพิ่มให้ อินเดีย เป็นอาหารแมว

ปีนี้คาดว่าสิ้นปี 
  • Sale growth 15-17%
  • GPM 26-28%
  • SG&A to sale 8-9%
  • CAPEX 1.4 พันล้าน ใช้ไปแล้ว 800 ล้านบาท
  • ปันผลอย่างน้อย 50% ของกำไรสุทธิ
  • Growth ของผู้เล่นรายใหญ่ 9M การโตเฉลี่ย  4% แสดงให้เห็นอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงโตต่อเนื่อง

หากมีข้อเสนอแนะหรือติ ผ่าน e-mail สามารถกรอกด้านล่างครับ

ชื่อ

อีเมล *

ข้อความ *